งาดำ เป็นพืชที่มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ สามารถรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องได้ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง และหากรับประทานเป็นประจำ ร่างกายก็จะแข็งแรงมากกว่าคนที่ไม่ได้รับประทาน ภายในงาดำเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามินบีรวม แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เหล็ก เป็นต้น งาดำยังช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายในทุกส่วน และยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยทองได้อีกด้วย
พลังงาน 573 กิโลแคลอรี่ 2397 กิโลจูล, คาร์โบไฮเดรต 23.45 กรัม, เส้นใยอาหาร 11.8 กรัม, โปรตีน 17.73 กรัม, น้ำ 4.69 กรัม, น้ำตาล 0.30 กรัม, ไขมันรวม 49.67 กรัม, กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18.759 กรัม, กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 21.773 กรัม, กรดไขมันอิ่มตัว 6.957 กรัม, กรดกลูตามิก 3.955 กรัม, กรดแอสพาร์ติก 1.646 กรัม, เมไธโอนิน 0.586 กรัม, ทรีโอนิน 0.736 กรัม, ซิสทีอิน 0.358 กรัม, ซีรีน 0.967 กรัม, ฟีนิลอะลานิน 0.940 กรัม, อะลานีน 0.927 กรัม, อาร์จินีน 2.630 กรัม, โปรลีน 0.810 กรัม, ไกลซีน 1.215 กรัม, ฮิสทิดีน 0.522 กรัม, ทริปโตเฟน 0.388 กรัม, ไทโรซีน 0.743 กรัม, วาลีน 0.990 กรัม, ไอโซลิวซีน 0.763 กรัม, ลิวซีน 1.358 กรัม, ไลซีน 0.569 กรัม, ไฟโตสเตอรอล 714 มิลลิกรัม, เบต้าแคโรทีน 5 ไมโครกรัม, วิตามินเอ 9 หน่วยสากล, วิตามินอี 0.25 มิลลิกรัม, วิตามินบี 1 0.791 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.247 มิลลิกรัม, วิตามินบี 3 4.515 มิลลิกรัม, วิตามินบี 5 0.050 มิลลิกรัม, วิตามินบี 6 0.790 มิลลิกรัม, วิตามินบี 9 97 ไมโครกรัม, แคลเซียม 975 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 14.55 มิลลิกรัม, ซีลีเนียม 5.7 ไมโครกรัม, โซเดียม 11 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 629 มิลลิกรัม, สังกะสี 7.75 มิลลิกรัม, โพแทสเซียม 468 มิลลิกรัม, แมกนีเซียม 351 มิลลิกรัม, แมงกานีส 2.460 มิลลิกรัม และทองแดง 4.082 มิลลิกรัม
การรับประทานงาดำเพื่อให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ก็คือการรับประทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการรับประทานด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้ประโยชน์มากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวหรือใส่เครื่องดื่มในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการรับประทานก็ง่ายๆด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮวีตรับประทานทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุแต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การรับประทานที่ดีนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมพร้อมรับประทานให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการรับประทานแล้วสามารถนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดและรักษาเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะน้ำมันงามีสรรพคุณที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่นๆที่ถูกนำมาผสมดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น
สำหรับการเลือกซื้อเมล็ดงาดำควรเลือกซื้องาดำที่สะอาดไม่มีสิ่งสกปรกเจือปนไม่ควรซื้อที่ที่แบ่งขายตามร้านขายของชำ เพราะอาจจะเสี่ยงกับมูลแมลงสาบและแมลงอื่นๆและไม่ควรซื้อแบบที่บดสำเร็จมาแล้วเนื่องจากอาจมีเชื้อราติดมาด้วย เมื่อซื้อมาใช้แล้วควรเก็บใส่ขวดปิดฝาให้มิดชิด เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานโดยไม่ปิดฝาให้มิดชิดจะทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนได้
ที่มา: honestdocs, medthai, เมล็ดงาดำ